วันเสาร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2563

ป๊อก ภัสสรกรณ์ ยอมรับเป็นแกะดำของตระกูล จิราธิวัฒน์ พ่อหวังให้กลับมาดูแลธุรกิจ


     ป๊อก ภัสสรกรณ์ เปิดชีวิตหมดเปลือกกว่าจะมีวันนี้ กับคำดูถูก ดังได้เพราะรวย ! ยอมรับเป็นแกะดำของตระกูลจิราธิวัฒน์ น้ำตาซึมคำพูดของพ่อ สุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์ ทั้งหวังทั้งฝันให้กลับมาช่วยบริหารงานครอบครัว


เป็นหนุ่มคนหนึ่งที่มีชีวิตในแบบที่หลายคนอิจฉา สำหรับ ป๊อก ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์ ทายาทเซ็นทรัล กรุ๊ป ตระกูลมหาเศรษฐีแสนล้านของเมืองไทย แต่การอยู่ในจุดนี้ ก็ทำให้ต้องแบกรับความกดดันจากคนรอบข้างไม่น้อย และการที่ป๊อกชื่นชอบในเสียงเพลงและเป็นนักร้องอาชีพ ก็เคยโดนดูถูกว่ามีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักได้เพราะความรวยไม่ใช่เพราะความสามารถ


ล่าสุด (10 กันยายน 2563) ป๊อก ภัสสรกรณ์ เปิดใจผ่าน Mindset Documentary เกี่ยวกับชีวิตของตนเอง รู้สึกอย่างไรกับการที่คนมองว่าดังได้เพราะรวย เพราะเป็นทายาทของเซ็นทรัล รวมถึงเล่าที่มาก่อนจะมาเป็นนักร้อง ทำไมถึงไม่นั่งทำงานบริหาร รวมถึงเปิดใจคุณพ่อ สุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์ เจ้าสัวเซ็นทรัล รู้สึกอย่างไรกับลูกชายคนนี้บ้าง ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่า ยังหวังให้ป๊อกเข้ามาทำงานสานต่อกิจการครอบครัว

 


คุณสุทธิเกียรติ พูดถึงป๊อกว่า ป๊อกก็เหมือนเด็กทั่ว ๆ ไป เหมือนลูก ๆ ผมทั่วไป ถ้าเปรียบเทียบเขาก็เกเรมากกว่าคนอื่น ถ้าเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ของคนอื่นประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ ของป๊อกก็ประมาณ 70-75 เปอร์เซ็นต์


ผมเป็นคนที่แนะนำและซื้อกีตาร์ให้เขาเล่น แต่ไม่หวังว่าเขาจะไปร้องเพลงจริงจังอย่างนี้ ผมวางแผนว่าเขาจะมาช่วยเรื่องโรงแรม หรือทำหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ก็คุยกับเขาทุกคืน โดยหลักการของแฟมิลี่ ทุกคนต้องมาช่วยแฟมิลี่ทำงาน จะทำงานโรงแรมก็ได้ ห้างสรรพสินค้าก็ได้ แต่ต้องเป็นของแฟมิลี่ พร้อมบอกอีกว่าป๊อกเป็นคนชอบเก็บ เรื่องบางอย่างไม่ได้เล่าให้พ่อฟัง


ส่วนเรื่องที่เขาไปสัก ตอนแรกเห็นเขาสักชื่อภาษาจีนที่แขนเราก็ตกใจ เขาก็หัวเราะคัก ๆ แต่พอเปิดเสื้อขึ้นเห็นรูปหน้าผมอยู่หน้าอกเขา ผมก็เกือบเป็นลม เปิดข้างหลังก็เป็นรูปแม่เขาอีก ผมบอกป๊อกทำไมทำอย่างนี้ ลบออกได้ไหม เขาบอกลบไม่ได้ ผมก็ห้ามเขาว่าอย่าสักอีก แต่กลับมาก็มีรอยสักเพิ่มมาอีก


ขณะที่ ป๊อก ภัสสรกรณ์ เปิดใจว่า แกะดำคนแรกคือผมเอง ผมชอบดนตรี ชอบศิลปะ พอเริ่มอินกับมัน ก็เริ่มดูจากศิลปินต่างชาติที่เราชอบ ที่เขามีรอยสัก เราก็รู้สึกว่ามันเท่ และในสมัยที่เรียนโรงเรียนประจำที่อเมริกา ผมก็ศึกษาและทำบีตเอง ก็จะมีช่วงวันหยุดที่คนอื่นเขากลับบ้านกัน เราก็จะอยู่กับเพื่อนผิวสีที่ไม่ได้กลับบ้าน ก็รวมตัวกันทำเพลง เพื่อนก็แรปให้ จนรู้สึกว่ามันสนุกและเราก็อยากแรปเองบ้าง



คนมองว่าที่มีทุกอย่างในวันนี้เพราะเป็น ป๊อก เซ็นทรัล ?

อันนี้ผมไม่ได้ว่านะ ที่คนอื่นจะคิดหรือจะมองผมแบบนั้น ผมเข้าใจเพราะเราไม่ได้เห็นและรู้จักกันทั้งหมด หลายคนคงไม่รู้หรอกว่าชีวิตจริงเจออะไรบ้าง มันมีปัญหายังไง แต่ละคนแต่ละเส้นทางมันต้องมีปัญหาหมดแหละ บางคนอิจฉาชีวิตผมว่าได้อย่างนั้นอย่างนี้ ถ้ามองกลับกันผมก็อิจฉาพวกคุณ อยากจะมีชีวิตแบบพวกคุณบ้างเหมือนกัน


ในขณะที่ป๊อกกำลังตามหาฝันของตัวเอง แต่ก็ทำลายความฝันของอีกคนอยู่ ?

ณสุทธิเกียรติ บอกว่า ขอให้ความฝันที่ป๊อกคิดไว้ ขอให้เป็นจริงดั่งที่เขาหวังไว้ แต่อย่างน้อยที่สุด คุณพ่อก็หวังเหมือนกันว่าป๊อกก็คงจะไม่ทิ้งคุณพ่อไป ก็เข้ามาช่วยงานของคุณพ่อด้วย อันนี้ไม่ได้หวังอย่างเดียวนะ ฝันด้วย หวังว่าความฝันของคุณพ่อจะเป็นจริงนะ เป็นจริงทั้งสองคน


ด้าน ป๊อก บอกว่า เราก็ไม่เคยนึกในมุมของเขาบ้างนะ ฟังแล้วก็สะอึกเหมือนกัน ผมรู้สึกดีมากที่ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้สนับสนุนมุมมองของผม แต่ก็ช่วยผลักดัน ส่งเสริม และอีกทางหนึ่งผมก็ดีใจมากที่พ่อไม่เคยขวางผมเลย ไม่ใช่ว่าผมไม่เห็น ผมเห็นและขอบคุณมาตลอด ผมยังเคยคิดเลยว่าวันหนึ่งถ้าเราไม่มีกันแล้วผมจะอยู่ยังไง ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้น ชีวิตนี้ผมอยู่กับเขามาตลอดจนไปเมืองนอก ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะร้องไห้ แต่ผมมีวันนี้ได้เพราะเขาจริง ๆ



 อย่างไรก็ตาม คุณสุทธิเกียรติ ก็ชื่นชมและยินดีกับความสำเร็จของลูก โดยบอกว่าไม่คิดเหมือนกันว่าจากกีตาร์ที่ผมซื้อให้เขาจะทำให้เขามาไกลจนเป็นศิลปิน อย่างเพลงวิบวับ มีเพื่อนที่อยู่ต่างประเทศโทร. มาหาเลยว่าลูกหลานเขาฟัง ผมก็ดีใจกับเขามาก


โดยป๊อกได้พูดทิ้งท้ายอีกว่า ตอนนี้ผมก็ทำเต็มที่ในสิ่งที่เราเลือกที่จะทำ ผมเลือกแล้ว ไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าจะมีวันนี้ จากทำเพลงในห้องนอน เปิดคอนเสิร์ตในห้องนอน มีคนดูคนเดียวคือพี่เลี้ยง จนวันนี้มีโอกาสร้องเพลงต่อหน้าคนเป็นหมื่น ๆ ผมไม่เคยคิด แต่มันเป็นสิ่งที่ผมมีความสุขสุด ๆ เลย ซึ่งเพลงวิบวับก็ทำให้ผมได้รับอะไรที่ผมไม่เคยได้รับมาก่อน ไปไกลถึงต่างชาติ และมาไกลเกินกว่าที่จะหยุดแล้ว


ขอบคุณข้อมูลและภาพปนะกอบจาก :women.kapook,Instagram pokmindset, Mindset Mob

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น