สาวโร่แจ้งความ คลินิกดังกลางเมืองพัทยา ปัดรับผิดชอบศัลยกรรมปากจนแหว่ง

           เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 30 ต.ค.59 นางวิดารา ปาร์ค อายุ 22 ปี เจ้าของร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ย่านพัทยากลาง เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.ท.(หญิง)เต็มตรอง รอดศิริ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี หลังเข้าไปทำศัลยกรรม ย่านพัทยากลาง ม.9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี แล้วเกิดเสียโฉมจนทำให้อับอายผู้คน

โดยนางวิดารา ปาร์ค ให้การว่า ก่อนหน้านี้เห็นคลินิกดังกล่าวโฆษณาทางเฟสบุ๊กว่ามีการรับทำศัลยกรรมความงามด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือที่ได้มาตรฐาน จึงติดต่อสอบถามเรื่องการทำศัลยกรรมให้ปากกระจับ (แก้ไขเฉพาะปากบน) และมีการพูดคุยตกลงค่าทำกันในราคา 15,000 บาท จากนั้นวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา จึงเข้าทำการผ่าตัด โดยเจ้าของคลีนิคเป็นคนลงมือทำศัลยกรรมให้ ซึ่งในระหว่างนั้นสังเกตเห็นว่าปากของตนมีเลือดไหลออกมามากผิดปกติ และแพทย์ใช้เวลาห้ามเลือดนานมาก จนเวลาผ่านไปกว่า 4 ชม.การผ่าตัดจึงแล้วเสร็จ ก่อนที่หมดจะนัดมาตรวจอาการในอีก 3 วันต่อมา และภายหลังพบว่าแผลที่ปากมีอาการติดเชื้อ แพทย์มีการฉีดยาฆ่าเชื้อให้ตนวันละเข็มรวมเป็นเวลา 7 วัน และให้กลับมาดูอาการอีกครั้ง

เมื่อครบกำหนดพบว่าปากที่ติดเชื้อรักษาหายแค่ครึ่งเดียว แพทย์จึงต้องทำการขูดหนองและทำการผ่าตัดใหม่ ซึ่งหลังจากการผ่าตัดบาดแผลก็ยังมีอาการติดเชื้อไม่หาย และตนต้องเข้ารับการผ่าตัดรักษารวมทั้งหมด 5 ครั้ง แต่ปากของตนเองไม่ได้เป็นปากกระจับตามที่ตกลงกันไว้ ซ้ำยังแหว่งบิดเบี้ยวผิดรูป โดยส่วนตัวยังมั่นใจในตัวแพทย์คนดังกล่าว เนื่องจากมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ เลยยอมผ่าตัดแก้ไขอยู่หลายครั้ง แต่ภายหลังเกิดปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ แพทย์เจ้าของคลินิกจึงเจรจาว่าจะให้รักษาและยอมชดใช้ตามที่ตนร้องขอ ตอนแรกเลยไม่ได้ติดใจอะไร เพียงแค่ตนอยากให้ปากของตนกลับมาเป็นเหมือนเดิม

กระทั่งช่วงเช้าวันนี้ตนเดินทางเข้าพบแพทย์ที่คลินิกอีกครั้ง เพื่อตกลงค่าใช้จ่ายในการไปผ่าตัดทำศัลยกรรมแก้ไขปากใหม่ที่ประเทศเกาหลี ตามที่ตกลงกันไว้ แต่เมื่อไปถึงแพทย์กลับไม่ยอมคุย และบอกว่าจะไม่ยอมชดใช้ใดๆ พร้อมกับให้ไปคุยกับทนายความอย่างเดียว ตนจึงตัดสินใจเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจ สภ.เมืองพัทยา เพื่อขอความเป็นธรรม

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำและลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน หลังจากนั้นจะเรียกนายแพทย์เจ้าของคลีนิคมาสอบปากคำ พร้อมกับประสานไปยังแพทยสภาให้ตรวจสอบใบอนุญาตผู้ประกอบวิชาชีพ หรือใบผู้ประกอบโรคศิลปะ สาขาเวชกรรม เลขที่ 50071 ของหมอรายนี้ ซึ่งไม่ระบุว่าเป็นนายแพทย์ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ที่มา:khaosod

สุดซาบซึ้ง!! ‘เณรน้อย’บวชถวายพ่อหลวง ให้ศีลให้พรโยมแม่ใส่บาตร-ถึงกับน้ำตาไหล(คลิป)

โด่งดังเป็นที่รู้กจักทั้งโลกโซเชี่ยล เด็กน้อยที่มุ่งมั่นเส้นทางธรรม ตั้งแต่ยังไม่ถึงขวบ จากนาคน้อยสัปหงกเป็นที่เอ็นดูกับผู้พบเห็น ล่าสุดน้องกร เด็กชายในคลิปดัง ได้เข้าพิธีบวชเณรตามความตั้งใจ ที่วัดป่ามณีกาญจน์ ในวัย 3 ขวบ พร้อมออกบิณฑบาตและให้ศีลให้พรญาติโยมได้

ล่าสุดมีคลิปสุดประทับใจ เมื่อโยมแม่มาใส่บาตรเณรน้อย แล้วเณรกร กล่าวให้ศีลให้พรโยมแม่ ทำให้โยมแม่สุดซาบซึ้งกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่จริงๆ

ที่มา: khaosod

ตื่นตา !! เมฆอาร์คัส ปรากฏการณ์หาดูยาก เหนือท้องฟ้า อยุธยา

 
          คลิปสุดตื่นตา ปรากฏการณ์หาชมยาก เมฆชนกัน (เมฆอาร์คัส) เหนือท้องฟ้า จ.พระนครศรีอยุธยา

          วันที่ 26 ตุลาคม 2559 เฟซบุ๊ก เก๋ เกศินี เพียรพงษ์‎ ได้โพสต์คลิปวิดีโอปรากฏการณ์ธรรมชาติสุดตื่นตา เผยให้เห็นก้อนเมฆกลุ่มใหญ่ มืดครึ้มทอดตัวยาวบนท้องฟ้า ในพื้นที่ ต.เจ้าเจ็ด อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา อนึ่ง ปรากฏการณ์เมฆอาร์คัสนั้น ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ นักวิชาการจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช. และชมรมคนรักมวลเมฆ เคยออกมาให้ข้อมูลว่าเมฆอาร์คัส (Arcus) หรือเรียกว่า เมฆกันชน หรือ shelf cloud อยู่บริเวณฐานเมฆ และมีลักษณะโค้งเหมือนกันชนหน้ารถ จะเป็นปฏิกิริยาของเมฆฝนที่จะมีลักษณะโค้งลงมาใกล้พื้นดิน โดยเมฆอาร์คัสจะมี 2 แบบ คือ Roll รูปร่างม้วนแบบหลอด และ Shelf คือรูปร่างเป็นชั้น ซึ่งเมฆอาร์คัสไม่มีอันตรายโดยตรง แต่เนื่องจากอาร์คัสเป็นส่วนหนึ่งของเมฆฝนฟ้าคะนอง จึงมีความเสี่ยงจากฟ้าผ่าแฝงอยู่ โดยเฉพาะฟ้าผ่าแบบบวก (positive lighting) คือสามารถผ่าออกมาไกลจากตัวเมฆได้หลายกิโลเมตร

ที่มา:kapook

เสียงดังโครม!! รปภ.ตกใจวิ่งมาดู กระบะชนยับเสาไฟจนรถบิดงอ หนุ่มดับสลด

         เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 25 ต.ค. ร.ต.ท.ชน เปียสัมปทวน รอง ส.ว.(สอบสวน)สภ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี รับแจ้งมีรถยนต์กระบะชนเสาไฟฟ้ามีผู้เสียชีวิต ติดอยู่ภายในรถ เหตุเกิดบนถนนบางกรวย–ไทรน้อย หน้าการไฟฟ้าย่อยอำเภอไทรน้อย ม. 11 ต.ไทรน้อย อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี จึงเดินทางไปที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยแพทย์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิปอเต็กตึ้ง

ที่เกิดเหตุบริเวณหน้าการไฟฟ้าย่อยอำเภอไทรน้อย ฝั่งขาเข้าบางบัวทอง พบรถบนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียน บว 7887 นครปฐม ชนกับเสาไฟฟ้าแรงสูง ด้านประตูคนขับ จนรถยุบเข้าไปด้านใน ภายในรถที่นั่งคนขับ พบร่างผู้เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อ คือ นายนายวิษณุ ทองดอนสา อายุ 20 ปี อยู่หมู่ 14 ต.สระสี่มุม อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม มีบาดแผลที่ศีรษะด้านขวา จึงให้รถยกมาลากออกจากเสาไฟฟ้าแล้วนำศพออกมา

นายสุวิทย์ ขวัญสุข รปภ. การไฟฟ้าไทรน้อย กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุมีฝนตกหนัก และได้ยินเสียงดังโครมที่ด้านหน้า จึงออกมาดู พบรถปิกอัพ ชนเข้ากับเสาไฟฟ้า จนตัวรถบิดงอตามรูปเสา และมีถังน้ำแข็ง กระเด็นข้ามกำแพงเข้าไปอยู่ด้านใน จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ

จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทราบว่า นายนายวิษณุ ผู้เสียชีวิต ขับรถมาจาก อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม เพื่อที่จะไปรับลูกกุ้ง ที่ จ.สมุทรปราการ มาส่งตามบ่อกุ้ง ที่ อ.กำแพงแสน โดยใช้เส้นทางนี้เป็นประจำ คาดว่าฝนตกหนัก ทำให้มีน้ำขังอยู่บนผิวถนน เพราะพื้นผิวถนนไม่เรียบเป็นร่องแนวยาว สาเหตุมาจากรถบรรทุกสิบล้อวิ่งจนพื้นถนนยุบจึงมีน้ำขัง คาดว่าจะขับมาเร็วแล้วเสียหลักทำให้รถไปฟาดกับเสาไฟฟ้า จึงมอบศพให้เจ้าหน้าที่มูลนิธินำศพส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้ง

ที่มา: khaosod

นิสิตจุฬาฯกว่า 3 พันเดินเท้าเข้าสักการะพระบรมศพถวายบังคม น้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ

            เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 23 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศรอบพระบรมมหาราชวัง มีประชาชน นักเรียน นักศึกษา หน่วยงานราชการ จำนวนมากเดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ และลงนามสมุดหลวงเพื่อถวายความอาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง โดยต่างแต่งกายชุดสีดำไว้ทุกข์ทยอยเดินทางเข้าถวายสักการะ จนแถวยาวล้นวนเข้าไปในสนามหลวง

โดยประชาชนส่วนหนึ่ง ปักหลักพักค้างคืนอยู่ที่สนามหลวง หลังร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ส่วนหนึ่งมาตั้งแต่เช้ามืด เพื่อจะได้เข้าลงนามแสดงความลงอาลัยพระบรมศพ ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง เป็นคิวแรก มีเจ้าหน้าที่ทหารจากกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่เดินทางเข้าแถว ด้วยการแจกบัตรคิว นอกจากนี้ยังมีประชาชนบางส่วน ร่วมแสดงความอาลัย ด้วยการก้มลงกราบลงบนพื้นดิน ที่หน้าประตูวิมานเทเวศร์ ขณะที่ประชาชนส่วนหนึ่ง จับจองพื้นที่ใต้ร่มไม้ในสนามหลวง และตามเต็นท์ที่หน่วยงานราชการจัดไว้ให้ นั่งชมถ่ายทอดพระราชพิธีภายในพระบรมมหาราชวัง และสารคดีที่เกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

ด้านการรักษาความปลอดภัยรอบบริเวณพระบรมมหาราชวัง เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล 5 จำนวน 1 กองร้อย ตั้งจุดคัดกรอง โดยนำเครื่องสแกนวัตถุอันตราย มาตั้งตามจุดต่างๆก่อนเดินทางเข้าสู่บริเวณพระบรมมหาราชวัง 7 จุด ได้แก่ หน้าแยกหน่วยบัญชาการกำลังสำรอง, แยกท่าช้าง, แยกถนนพระจันทร์, หน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, แยกเจดีย์ขาว, แยกผ่านพิภพลีลา และถนนสนามชัย แยกกระทรวงกลาโหม พร้อมทั้งตรวจค้นกระเป๋าผู้ที่เดินทางมาภายในบริเวณจัดงาน เพื่อป้องกันเหตุอันตราย โดยเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ในช่วงวันหยุดยาว เนื่องจากมีประชาชนทยอยเดินทางเข้ามาในพื้นที่จำนวนมาก

ในส่วนเต็นท์ของกระทรวงศึกษาธิการ ที่เปิดรับย้อมผ้าหรีให้กับประชาชนที่ต้องการนำผ้าสีมาย้อมเป็นสีดำ ได้รับความสนใจจากผู้ร่วมงานเป็นจำนวนมาก ด้านเจ้าหน้าที่ประจำจุดกองอำนวยการร่วม ได้ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ปกครองที่พาบุตรหลานมาร่วมพิธี ให้ระวังการพลัดหลง และควรเขียนชื่อ และเบอร์โทรศัพท์ติดต่อกลับ ไว้ให้เด็กเก็บไว้

สำหรับบรรยากาศรอบท้องสนามหลวง ยังมีหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาชน นำอาหาร-เครื่องดื่มมาแจกจ่ายให้กับผู้ที่มาร่วมงาน บางส่วนเลือกช่วยเก็บขยะรอบพื้นที่ และคอยแนะนำวิธีการทิ้งและคัดแยกขยะ เพื่อความสะดวกในการนำไปทำลาย

ด้านการเดินทางมาพระบรมมหาราชวังนั้น สามารถเดินทางมาได้หลายช่องทาง ทั้งรถสาธารณะที่ให้บริการฟรี หรือเรือโดยสารที่จอดในท่าเทียบเรือใกล้พระบรมมหาราชวัง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการจราจรที่ติดขัด เนื่องจากระหว่างวันที่ 22-24 ต.ค. รอบพระบรมมหาราชวัง มีการที่ปิดการจราจรห้ามรถทุกชนิดเข้าไปใช้เส้นทาง 27 เส้นทาง เพื่อความสะดวกและคล่องตัวสำหรับผู้เดินทางเข้าร่วมถวายความอาลัย

ต่อมาเวลา 11.10 น. นิสิตและคณาจารย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกว่า 3,000 คน ที่เดินเท้าภายหลังจากถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า เนื่องในวันปิยมหาราช และจึงเดินทางมาถวายสักการะพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ที่ประดิษฐานบริเวณสนามหญ้าด้านหน้า ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง โดยนิสตและคณาจารย์เดินเท้ามาจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เข้ามาทางประตูสวัสดิโสภา ผ่านประตูมณีนพรัตน์มายังสนามหญ้าหน้าศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง
จากนั้นนิสิตทั้งหมดพร้อมใจกันนั่งลงกลางสนามหญ้าท่ามกลางอากาศร้อน และกล่าวบทอาเศียรวาทน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ ก่อนที่จะถวายบังคมพระบรมศพอย่างพร้อมเพรียงกัน

รศ.ดร.บัญชา ชลาภิรมย์ รองอธิการบดีด้านการพัฒนานิสิตและนิสิตเก่าสัมพันธ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ตั้งแต่เวลา 07.00 น. นิสิตนักศึกษาได้รวมตัวกันสักการะพระบรมรูป 2 รัชกาลที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนั้นเวลา 08.30 น. ได้เดินทางถวายบังคม พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 บริเวณลานพระราชวังดุสิต ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติกันมาทุกปี แต่ในปีนี้เกิดการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ทางจุฬาฯ จึงได้นัดแนะผ่านทางโซเชียลมีเดียตั้งแต่วันที่ 17 ต.ค. ที่ผ่านมา เพื่อรวมตัวกันมาสักการะพระบรมศพ ปรากฎว่ามีนักศึกษาพร้อมใจกันมาร่วมกิจกรรมครั้งนี้ 3,000 กว่าคน ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นองค์พระบรมราชูปถัมภกของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ด้าน น.ส.ปัญญิศา ผาธรรม อายุ 21 ปี นิสิตจากคณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า เป็นปกติทุกปีที่นิสิตนักศึกษาจะรวมตัวเพื่อสักการะพระบรมรูป 2 รัชกาลที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่ปีนี้ได้พร้อมใจเดินทางกันมาสักการะพระบรมศพ และร่วมกันขับเสภาน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ ซึ่งเป็นความตั้งใจของพวกเราทุกคน แม้จะร้อนแค่ไหนแต่เราพร้อมใจและร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ตนประทับใจและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างมาก ที่ท่านทรงงานอย่างหนักเพื่อคนไทยมาตลอดพระชนม์ชีพ

ที่มา:khaosod

เรื่องเล่าของ “ชาโน แพมเบอร์เกอร์” จาก “ดารา” สู่ “ทหารของพระราชา”

          “ชาโน แพมเบอร์เกอร์” ดาราหนุ่มดาวรุ่ง ที่ปัจจุบันคงต้องเรียกว่า “พลทหาร” เพราะเขาเบนเข็มชีวิต หันไปรับใช้ชาติด้วยการสมัครเข้าเกณฑ์ทหารเมื่อปีที่มา ชีวิตในรั้วกรมทหารและรับราชการดูราบรื่นดี กระทั่งมาเผชิญข่าวร้ายที่โศกเศร้าไปพร้อมๆ กันทั่วแผ่นดิน กับการเสด็จสวรรคตของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

หากได้รับชมการถ่ายทอดสดพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม และประโคมย่ำยาม ผ่านทางโทรทัศน์ร่วมการเฉพาะกิจฯ น่าจะได้เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่ในการประโคมย่ำยามในพระพิธีฯ ด้วย ซึ่งคนนั้นก็คือ “พลทหารชาโน” ที่ร่วมทำหน้าที่ในการตีกลองชนะประโคมย่ำยามด้วย

อินสตาแกรมของคุณ @aum_hm1 ได้โพสต์เรื่องราวของดาราหนุ่มคนนี้ ที่ทำให้เชื่อว่าการตัดสินใจทำตามความปรารถนาของตัวเอง ด้วยการเป็นข้าราชการทหารของเขา เป็นสิ่งที่ถูกต้องและคุ้มค่าที่สุดในชีวิตคนคนหนึ่งที่ได้ทำเพื่อพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่…

มีอยู่วันหนึ่ง ขณะที่เปิดทีวีดูการถ่ายทอดสด การประโคมย่ำยามพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมของ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ” ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง สายตาก็เหลือบไปเห็น “พลทหารชาโน แพมเบอร์เกอร์” เป็นส่วนหนึ่งของผู้ที่ทำหน้าที่ ตีกลองชนะประโคมย่ำยาม ก็นึกดีใจตื้นตันแทนน้อง ที่มีโอกาสได้ทำหน้าที่เพื่อพระราชา

เพราะตั้งแต่รู้จักกันมา เป็นที่รู้กันว่าชาโน อยากจะรับราชการทหารมากๆ เป็นความตั้งใจเดียวที่ไม่เคยเปลี่ยน คำพูดที่จะได้ยินเสมอๆ จากปากของชาโนคือ “ผมเป็นทหารของพระราชา” จะเดินตามรอยพระองค์และจะทำทุกอย่างที่เป็นประโยชน์ด้วยใจภักต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์

ก็เลยทักไปถามข่าวน้องฝรั่งก็บอกว่า “ผมอธิบายยาก ความรู้สึกมันล้นหลามและแน่นจริงๆ พี่ รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง เพราะชุดนี้โดยปกติจะเห็นได้เฉพาะจากในละครหรือการแสดง แต่ครั้งนี้ได้มารับหน้าที่นี้จริงๆ ซึ่งเป็นเกียรติอันสูง แม้จะเสียใจยิ่งที่ทรงสวรรคตแล้ว แต่ก็เป็นความภาคภูมิใจที่ได้มาทำหน้าที่นี้เพื่อพ่อจริงๆ”

ย้อนไปตอนที่ชาโนสมัครทหาร แม่ของชาโนก็เล่าให้ฟังว่า ด้วยความเป็นห่วงลูกก็ขอร้องว่าไม่ต้องสมัครได้ไหม ถ้าอยากเป็นทหารจริงๆ ให้ไปเป็นที่เยอรมัน ชาโนก็บอกว่า ถ้าผมไปที่นู่น ผมจะมีโอกาสช่วยเหลือคนไทยได้ยังไง ..ทำเอาคุณแม่อึ้งไปกับความคิดลูก

……และที่ทำให้เราประทับใจไปอีกคือคุณพ่อของชาโน ซึ่งเป็นชาวออสเตรีย-เยอรมัน เป็นอีกคนที่เคารพและรักในหลวงของปวงชนชาวไทยมาก คุณพ่อของชาโนบอกว่า เดินทางไปทำงานอยู่หลายประเทศ แต่ไม่เคยเจอกษัตริย์พระองค์ใดทรงงานหนักเพื่อคนอื่นแบบท่านเลย และการที่อนุญาติให้ชาโนสมัครเป็นทหารรับใช้ชาติ ก็คือการเสียสละอย่างยิ่งใหญ่ของคนเป็นพ่อแม่เช่นกัน

ที่มา:sanook

ลุงตกใจ!! ถอยรถตู้เข้าซอยบ้าน ได้ยินเสียงดัง-เหมือนมีอะไรติดล้อ จอดดู-เจอหัวคนโผล่ใต้ท้องรถ

เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 21 ต.ค. ร.ต.อ.ธราวุธ ไชยสาร พงส.สภ.พระสมุทรเจดีย์ ได้รับแจ้งว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บติดใต้ท้องรถตู้จอดอยู่บริเวณหน้าบ้าน ย่านซอยสุขสวัสดิ์นิเวศ 2 หมู่ที่ 13 ต.ในคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ จึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วยรถกู้ชีพโรงพยาบาลพระสมุทรเจดีย์สวาทยานนท์และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุพบรถยนต์ตู้ ยี่ห้อ นิสสัน สีขาว หมายเลขทะเบียน นง 916 นครราชสีมา จอดเปิดไฟฉุกเฉินอยู่ในซอย ใต้ท้องรถพบผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นชายอยู่ในสภาพนอนคว่ำหน้าบนพื้นถนน ศีรษะโผล่ออกจากตัวรถ สวมเสื้อเชิ้ตสีเทา กางเกงขาสั้นลายดอกสีน้ำเงิน เจ้าหน้าที่กู้ภัยต่างช่วยกันนำแม่แรงมายกตัวรถขึ้น ก่อนที่จะช่วยกันดึงร่างผู้บาดเจ็บออกมาจากใต้ท้องรถ ทราบชื่อภายหลัง คือ นายมาโนช แก้วประเสริฐ อายุ 39 ปี อยู่หมู่ที่ 13 ต.ในคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ มีบาดแผลถลอกบริเวณเท้า หัวเขาซ้ายและแขนขวา โดยมีกลิ่นสุราลอยคละคลุ้งออกมาจากตัวผู้บาดเจ็บ ทางเจ้าหน้าที่จึงช่วยกันปฐมพยาบาลก่อนนำส่งโรงพยาบาลพระสมุทรเจดีย์สวาทยานนท์

จากการสอบสวน นายโสฬส จุลละกะ อายุ 67 ปี อยู่หมู่ที่ 13 ต.ในคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ คนขับรถตู้ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้ขับรถคันดังกล่าวไปส่งพนักงานของบริษัท กระจกไทยอาซาฮี จำกัด ที่เลิกกะดึกจนหมดคัน ก่อนจะขับรถกลับเข้าบ้านพัก ซึ่งอยู่บริเวณท้ายซอย ตนจึงถอยรถเข้ามาในซอย เนื่องจากซอยดังกล่าวคับแคบและไม่มีที่กลับรถ ในระหว่างที่ถอยรถเข้ามาถึงที่เกิดเหตุได้ยินเสียงดังคล้ายมีสิ่งของติดอยู่ใต้ท้องรถ จึงรีบจอดแล้วรีบลงมาก้มดู พบมีคนติดอยู่ได้ท้องรถแล้ว จึงรีบวิ่งเข้าไปเรียกลูกชายที่อยู่ในบ้านให้ออกมาช่วยกันดึงคนออกมาจากใต้ท้องรถ พร้อมทั้งโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยกู้ภัยให้มาช่วยเหลืออีกแรง

ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานเบื้องต้นคาดว่าผู้บาดเจ็บเมาสุราแล้วประคองตนเองกลับบ้านพักไม่ได้ จึงมานอนหลับอยู่บนถนนประกอบกับซอยดังกล่าวค่อนข้างมืด ทำให้ นายโสฬส ถอยรถเข้ามาไม่เห็นผู้บาดเจ็บ จึงอาจลากติดไปใต้ท้องรถ คงต้องรอผลการรักษาจากแพทย์ก่อนถึงจะสรุปได้ว่าผู้บาดเจ็บถูกรถตู้ทับหรือติดใต้ท้องรถตู้ในขณะรถถอยหลัง ก่อนนำตัวคนขับรถตู้ไปสอบสวนเพิ่มเติมที่สถานีตำรวจพร้อมดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

 ที่มา: khaosod

ชาวบ้านโป่ง ร่ำไห้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ครั้งเสด็จเยี่ยมราษฎร ไฟไหม้ใหญ่ ปี 2497

          เมื่อวันที่ 19 ต.ค. บริเวณวงเวียนหอนาฬิกาใจกลางเมือง เขตเทศบาลเมืองบ้านโป่ง จ.ราชบุรี พสกนิกรชาวอำเภอบ้านโป่งและใกล้เคียง ทุกเพศทุกวัยกว่า 1,000 คนร่วมจุดเทียนสีขาวรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระผู้ให้ที่เปี่ยมด้วยพระเมตตาต่อพสกนิกรชาวไทย

โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้าหลายคนหลั่งน้ำตา จากนั้นทุกคนพร้อมใจกันนั่งลงกับพื้นแล้วก้มกราบแสดงความอาลัยต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ขนาดใหญ่เมื่อครั้งเสร็จเยือนอำเภอบ้านโป่ง แล้วร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี

ทั้งนี้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระมหากรุณาต่อชาวเมืองบ้านโป่ง ตั้งแต่ครั้งตลาดบ้านโป่งถูกเพลิงไหม้เผาเมืองครั้งใหญ่ เมื่อปี พ.ศ.2497 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จมายังเมืองบ้านโป่งเป็นการส่วนพระองค์เพื่อเยี่ยมราษฎรผู้ประสบภัย ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกของการเสด็จเยี่ยมราษฎร์ หลังจากพระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์

สร้างความปลาบปลื้มยินดีและเป็นขวัญกำลังใจที่จะสู้ชีวิตให้แก่พสกนิกรในสมัยนั้นเป็นอย่างมาก จวบจนปัจจุบัน พสกนิกรชาวบ้านโป่งยังคงรักและเทิดทูนพระองค์เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม และพร้อมดำเนินชีวิตตามรอยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชสืบไป

ที่มา:khaosod

คลิปเพลงพระราชาผู้ทรงธรรม กับภาพเหตุการณ์วันที่ 13 ตุลาคม 2559

โชเชียลแห่แชร์คลิปเพลงพระราชาผู้ทรงธรรม กับเหตุการณ์วันที่ 13 ตุลาคม 2559 ดูแล้วน้ำตาไหล กับภาพความรู้สึกของคนไทยที่สะท้อนว่า “เรารักในหลวง”

              แม้ว่าจะผ่านมาเกือบสัปดาห์แล้วที่คนไทยทั้งประเทศได้รับทราบข่าวการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสวรรคต เมื่อช่วงบ่ายของวันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม 2559 แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกเรายังคงมีน้ำตาและคิดถึงพระมหากษัตริย์ในดวงใจไทยพระองค์นี้

 

               เช้าวันที่ 14 ตุลาคม 2559 เป็นประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งของคนไทย ประชาชนของพระราชาหลั่งไหลออกมาเฝ้าการเคลื่อนพระบรมศพพ่อหลวง รัชกาลที่ 9 เต็มสองฝั่งถนนสุดลูกหูลูกตา แทบไม่ต้องบอกเลยว่า คนไทยรักพ่อหลวงมากมายขนาดไหน ทุกคนพร้อมใจแต่งชุดดำเพื่อถวายความไว้อาลัยแด่พระองค์ท่าน

              ทั้งนี้ ทางเฟซบุ๊ก มะลิเงง จิตป่วน ของคุณ ชิราวุฒ พิมพิรัตน์ได้มีการรวบรวมภาพสำคัญในวันที่ใจของประชาชนแตกสลาย มาตัดต่อเป็นคลิปวิดีโอประกอบเพลง พระราชาผู้ทรงธรรม ที่ขับร้องโดย เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ ซึ่งการลำดับภาพแต่ละภาพนั้นถูกถ่ายทอดร้อยเรียงมาเป็นอย่างดี ประกอบกับเนื้อเพลงที่อาจทำให้น้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว และคลิป ๆ นี้ก็ถูกแชร์ต่อออกไปเป็นจำนวนมากเลยทีเดียว

เนื้อเพลง พระราชาผู้ทรงธรรม

ขับร้อง ธงไชย แมคอินไตย์
คำร้อง/ทำนองโดย กมลศักดิ์ สุนทานนท์, ปิติ ลิ้มเจริญ
เรียบเรียงโดย วีรภัทร์ อึ้งอัมพร

เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม
คือถ้อยคำที่พระองค์ทรงให้ไว้
ช่างแสนจะโชคดีที่เกิดเป็นคนไทย
ได้ภาคภูมิใจเสมอมา

ถ้ามีใครถามทำไมคนไทยถึงรักพระองค์อย่างนี้
แค่ได้ชมพระบารมีก็ยิ้มทั้งน้ำตา
ถ้าหากให้อธิบายเหตุผลนานา
คงต้องใช้เวลาเท่าชีวิตนี้

เพราะท่านทำเพื่อคนไทย
ด้วยธรรมะของพระราชา
หวังให้เราชาวประชาอยู่ดีกินดี
ท่านต้องเหนื่อยเพราะงานหนัก
ไม่เคยพักจวบจนวันนี้

ช่างโชคดีแผ่นดินนี้
มีราชาที่ทรงธรรม

ทรงเป็นนิยามแห่งความดี
เป็นอัญมณีที่เลิศล้ำ
สดสวยใสกระจ่างสว่างด้วยธรรม
ด้วยน้ำพระทัยที่เมตตา

ถ้ามีใครถามทำไมคนไทยถึงรักพระองค์อย่างนี้
แค่ได้ชมพระบารมีก็ยิ้มทั้งน้ำตา
ถ้าหากให้อธิบายเหตุผลนานา
คงต้องใช้เวลาเท่าชีวิตนี้

เพราะท่านทำเพื่อคนไทย
ด้วยธรรมะของพระราชา
หวังให้เราชาวประชาอยู่ดีกินดี
ท่านต้องเหนื่อยเพราะงานหนัก
ไม่เคยพักจวบจนวันนี้
ช่างโชคดีแผ่นดินนี้
มีราชาที่ทรงธรรม

ที่มา:kapook